เจ็บเข่า ปวดเวลาเดิน เสียงดังในเข่า อาจไม่ใช่แค่เรื่องเล็ก!

โรคข้อเข่าเป็นปัญหาสุขภาพที่พบได้บ่อยในทุกช่วงวัย โดยเฉพาะผู้สูงอายุ นักกีฬา หรือผู้ที่ใช้ข้อเข่าอย่างหนัก หากปล่อยไว้โดยไม่ดูแล อาจลุกลามจนกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวัน

การวินิจฉัยโรคข้อเข่า : รู้ก่อน รักษาได้ตรงจุด

อาการปวดข้อเข่า เสียงลั่นขณะเคลื่อนไหว เข่าบวม หรือเคลื่อนไหวได้จำกัด อาจเป็นสัญญาณของโรคข้อเข่าหลายชนิด เช่น ข้อเข่าเสื่อม เอ็นฉีกขาด หรือกระดูกอ่อนสึก การวินิจฉัยที่ถูกต้องจึงเป็นขั้นตอนสำคัญที่สุดก่อนเข้าสู่กระบวนการรักษา

ขั้นตอนการวินิจฉัยโรคข้อเข่า

1. การซักประวัติและตรวจร่างกายโดยแพทย์

  • แพทย์จะสอบถามประวัติการเจ็บปวด ลักษณะอาการ ระยะเวลาที่เป็น พฤติกรรมการใช้งานเข่า และประวัติเคยบาดเจ็บ

  • ตรวจร่างกายเพื่อตรวจสอบขอบเขตการเคลื่อนไหว ความมั่นคงของข้อ เสียงผิดปกติ และจุดที่เจ็บเฉพาะ

2. การถ่ายภาพรังสี (X-ray)

  • ช่วยประเมินโครงสร้างกระดูก เช่น ช่องว่างข้อเข่า การเรียงตัวของกระดูก หรือภาวะข้อเสื่อม

3. การตรวจคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า (MRI)

  • เหมาะสำหรับตรวจความผิดปกติของเนื้อเยื่ออ่อน เช่น หมอนรองกระดูก เอ็นไขว้ กระดูกอ่อน หรือของเหลวในข้อ

4. การอัลตราซาวด์ข้อเข่า

  • ใช้ประเมินการอักเสบของเยื่อบุข้อ เอ็น หรือถุงน้ำรอบข้อแบบเรียลไทม์

5. การเจาะน้ำในข้อเข่า (Joint Aspiration)

  • ในกรณีเข่าบวมมาก แพทย์อาจดูดน้ำในข้อออกมาตรวจเพื่อวินิจฉัยการติดเชื้อหรือภาวะเก๊าท์

6. การประเมินการเดิน (Gait Analysis)

  • วิเคราะห์พฤติกรรมการเดินและการลงน้ำหนักเพื่อหาสาเหตุของแรงกดผิดปกติที่ส่งผลต่อข้อเข่า

การวินิจฉัยที่แม่นยำ ไม่เพียงช่วยให้การรักษาเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ แต่ยังช่วยป้องกันภาวะแทรกซ้อนในอนาคต เช่น ข้อบิดเบี้ยว ข้อฝืด หรือข้อหลวมผิดปกติ

หากคุณมีอาการปวดเข่าเรื้อรังหรือสงสัยว่ากำลังเป็นโรคข้อเข่า การพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยอย่างถูกวิธีคือก้าวแรกสู่การฟื้นตัวอย่างมั่นใจ

แนวทางการรักษาโรคข้อเข่า แบ่งตามระดับความรุนแรง

1. การรักษาแบบไม่ใช้การผ่าตัด (Non-Surgical Treatment)

เหมาะสำหรับผู้ที่มีอาการไม่รุนแรง หรืออยู่ในระยะแรกของโรค
ประกอบด้วย:

  • การใช้ยา
    เช่น ยาแก้ปวด ยาต้านการอักเสบ หรือยาบำรุงข้อ (เช่น กลูโคซามีน)

  • การกายภาพบำบัด
    บริหารกล้ามเนื้อรอบเข่า เสริมความมั่นคงให้ข้อเข่า และลดแรงกดบริเวณที่อักเสบ

  • การฉีดยาเข้าข้อเข่า
    เช่น
    Hyaluronic Acid ช่วยหล่อลื่นข้อเข่าที่เสื่อม
    PRP (Platelet-Rich Plasma) กระตุ้นการซ่อมแซมเนื้อเยื่อด้วยเลือดของตัวเอง
    Steroid Injection ลดการอักเสบเฉียบพลันในกรณีปวดมาก

  • การใช้อุปกรณ์ช่วยพยุงข้อ
    เช่น สนับเข่า หรือไม้เท้า เพื่อช่วยลดน้ำหนักลงที่เข่า

2. การรักษาด้วยเวชศาสตร์ฟื้นฟูและการออกกำลังกายเฉพาะจุด

  • ออกแบบโปรแกรมการฟื้นฟูเฉพาะบุคคลโดยแพทย์เวชศาสตร์ฟื้นฟู

  • ปรับท่าทางการเดิน และพฤติกรรมที่ส่งผลต่อข้อเข่า

  • เสริมความแข็งแรงของกล้ามเนื้อสะโพก ต้นขา และน่อง เพื่อให้เข่าทำงานได้สมดุล

3. การผ่าตัด (Surgical Treatment)

ใช้ในกรณีที่รักษาด้วยวิธีทั่วไปไม่ได้ผล หรือมีความเสียหายรุนแรง

  • การส่องกล้องผ่าตัดข้อเข่า (Arthroscopy)
    สำหรับการซ่อมแซมหมอนรองกระดูกหรือเอ็นที่ฉีก

  • การผ่าตัดเปลี่ยนผิวข้อเข่าบางส่วนหรือทั้งหมด (Knee Replacement)
    เหมาะสำหรับผู้ที่เป็นข้อเข่าเสื่อมระยะท้ายที่มีอาการปวดรุนแรง และกระทบต่อการดำเนินชีวิต

การรักษาโรคข้อเข่าควรได้รับการดูแลโดยแพทย์เฉพาะทาง เพราะต้องคำนึงถึงปัจจัยหลายด้าน เช่น อายุ น้ำหนัก ระดับกิจกรรม ความรุนแรงของโรค และเป้าหมายการใช้ชีวิตของผู้ป่วย

หากคุณหรือคนในครอบครัวมีอาการปวดเข่า อย่าปล่อยให้เรื้อรัง
ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญเพื่อหาทางออกที่เหมาะกับคุณที่สุด

ทำไมต้องเลือกคลินิกของเรา?

  • แพทย์เฉพาะทางด้านข้อเข่าและเวชศาสตร์ฟื้นฟู

  • เทคโนโลยีวินิจฉัยและบำบัดระดับโรงพยาบาลชั้นนำ

  • ดูแลคุณอย่างใกล้ชิด พร้อมแผนฟื้นตัวที่ออกแบบเฉพาะคุณ